ทำความรู้จัก Docker แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมเฉพาะโดยที่ไม่ต้องพึ่ง OS มีการทำงานคล้ายกับ Virtual Machine แต่ Docker จะมีการทำงานที่เรียกว่า “คอนเทนต์เนอร์” ซึ่งในคอนเทนต์เนอร์จะประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่ต้องการเรียกใช้งานต่างๆ อย่างเช่น ไลบรารี เครื่องมือสำหรับระบบ โค้ด และรันไทม์ ทำให้การติดตั้งแอปพลิเคชัน และการทดสอบนั้นง่าย รวดเร็ว โดยไม่ต้องรบกวนกับ OS ให้ยุ่งยากเลย
วิธีการทำงานของ Docker เรียกง่ายๆ ว่าเป็น 3 สเต็ปหลักนั่นคือ 1.สร้าง 2.ย้าย 3.ทดสอบ
1.สร้าง (Build) Docker File  เป็นการนำคำสั่ง Source Code รวมถึง Config ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการ Run แอปพลิเคชันและนำไปสร้างเป็นไฟล์ Docker image ที่เป็นตัวตัวต้นแบบของ Container เพื่อนำใช้งาน
2. ย้าย (Ship) Docker Image เมื่อได้ Docker image ที่ภายในนั้นมีซอฟร์แวร์ต่างๆ ติดตั้งไว้แล้วย้ายไปไว้ในส่วนที่ต้องการติดตั้งทดสอบแอปพลิเคชัน
3.ทดสอบ (Run) Docker Container การ Run Docker image เป็นคอนเทนต์เนอร์เพื่อทดสอบแอปพลิเคชันนำมาเรียกใช้งานได้ทันที
Docker จึงเหมาะกับผู้พัฒนาและผู้ดูแลระบบที่ต้องดูแลโปรเจคท์หลายตัวทำให้การทดสอบและใช้งานสามารถทำได้อย่างง่ายดายและสามารถเคลื่อนย้ายคอนเทนต์เนอร์ไปทดสอบที่อื่นได้โดยไม่ต้องติดตั้งระบบใหม่ให้เสียเวลา

ประโยชน์ของ Docker อันดับแรกที่เห็นได้ชัดคือประหยัดเวลา เพราะ Docker สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ใช้ CPU หน่วยความจำ(RAM) และพื้นที่น้อยทำให้การ Runทำได้เร็วมากขึ้น อีกทั้งยังสะดวกในการ Start/Stop ไม่ต้องติดตั้ง OS อีกครั้งเพื่อติดตั้งคอนเทนต์เนอร์ ด้วยรูปแบบของ Docker ที่เป็นแบบ image ทำให้สามารถย้ายเพื่อนำไปใช้งานบน Server อื่นได้ง่ายและสะดวกไม่ต้องเสียเวลา Setup โปรแกรมใหม่ทีละเครื่อง ลดการเกิดความผิดพลาดเมื่อต้องนำระบบขึ้น Production และที่สำคัญสามารถติดตั้งได้ทั้ง Linux, Mac (OS X 10.11 or newer macOS)และ Windows (Windows 10 Pro 64bit)

Docker จึงเป็นแพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่าเป็นการจำลองโดยการเก็บทุกสิ่งที่จำเป็นในเคอนเทนต์เนอร์และในคอเนทนต์เนอร์นั้นหากเราเข้าไปก็หยิบเอาของในคอนเทนต์เนอร์มาใช้ และหากต้องย้ายคอนเทนต์เนอร์ไปไว้ที่อื่น ของในคอนเทนต์เนอร์ก็ยังคงอยู่และนำมาใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างใหม่